สาว ๆ เคยมั้ยคะ ส่องกระจกแล้วแบบ… เฮ้ย! ทำไมหน้ามันหมอง ๆ ผิวกร้านๆทั้งที่ไม่แห้ง ดูไม่ฟู จริงๆผิวหนังของเราเป็นเซลล์ที่ต้องมีการผลิตใหม่ตลอดเวลา และจะผลัดใหม่หมดทั้งชั้นที่ 1 เดือนค่ะ เพราะฉะนั้นโรคบางโรค หรือภาวะบางภาวะของร่างกายที่ขาดการบำรุงและดูแล อาจจะฟ้องผ่านผิวของเราได้ เนื่องจากร่างกายจะสารอาหารและทำกระบวนการซ่อมแซมอวัยวะที่สำคัญก่อน แต่ถ้าเราสุขภาพแข็งแรงแล้วผิวยังไม่ดี ก็อาจจะเกิดจากการขาดการบำรุงที่เหมาะสมกับสภาพผิวก็ได้ค่ะ

📌 เรามาดูกันว่าสาเหตุหลักของผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม มีอะไรบ้างกันค่ะ
1. นอนดึก พักผ่อนไม่พอ
นี่เป็นตัวการที่สำคัญที่สุด เพราะเวลาที่เรานอนหลับนั่นเวลาที่ร่างกายเราเข้าโหมดซ่อมแซม โดยอาศัยการหลั่งของฮอร์โมน โดยเฉพาะตัวสำคัญคือ Growth Hormone ซึ่งจะหลั่งได้ดีหลังจากที่เราหลับไป 2 ชั่วโมง แต่ถ้านอนดึกบ่อย ๆ ร่างกายก็จะซ่อมตัวเองไม่ทัน และแน่นอนร่างกายของเราก็มีความเรียงลำดับความสำคัญในการแก้ไขเค้าจะแก้ไขซ่อมแซมอวัยวะสำคัญก่อนมาที่ผิว (ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายจัดอยู่ลำดับสุดท้ายเลยค่ะ) เลยทำให้ผิวดูหมองลง หยาบกร้านนั่นเอง ดังนั้นหมอจึงแนะนำให้เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม หลีกเลี่ยงการเปิดไฟทิ้งไว้ตอนนอน เพื่อให้การนอนหลับลึกขึ้นและสงบมากขึ้นค่ะ
2. ผิวขาดน้ำ
ผิวขาดน้ำก็เหมือนต้นไม้ขาดน้ำค่ะ เซลล์จากเต่งตึงก็จะดูเหี่ยวลง เหมือนลูกโป่งที่แฟ่บ เพราะฉะนั้นอย่าลืมทานน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ไม่นับชานมไข่มุกและกาแฟนะคะ ^^
3. แดดและรังสี UV
ตัวร้ายตัวแม่เลยค่ะ UV ทำให้ผิวสีไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ จุดด่างดำมากันครบ นอกจากนี้ยังเป็นตัวร้ายอันดับ 1 ที่ทำลายคอลลาเจนอีกด้วยค่ะลองสังเกตดูนะคะว่าบริเวณที่เราทากันแดดไม่ถึงเช่นคอหรือตัวแล้วทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยบริเวณนั้นๆจะมีความย่นเม็ดสีความไม่สม่ำเสมอมากกว่าบริเวณหน้ามากๆค่ะเพราะฉะนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดกันด้วยนะคะ
4. ความเครียด
เคยได้ยินมั้ยคะ “หน้าดำคร่ำเครียด” เป็นวลีที่มาจากเรื่องจริงค่ะ เนื่องจากเวลาที่ร่างการมีความครียดทั้งร่างกายและจิตใจ เครียดทางร่างกายอย่างเช่น เป็นโรคเรื้อรัง เป็นหวัด ระบบอวัยวะภายในอักเสบ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า นอนดึกก็ยังเป็นความเครียดทางร่างกายเลยค่ะ ส่วนความเครียดทางทางจิตใจ เช่น อกหัก งานไม่เสร็จ ทำให้ระบบฮอร์โทนภายในร่างกายมีความไม่สมดุลเกิดขึ้น ทำให้ความต้องการฮอร์โมน cortisol (เสตรียรอยด์) ในร่างกายสูงขึ้น จึงไปกระตุ้นให้ ACTH หลั่งมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้สามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินด้วยเช่นกัน จึงทำให้ผิวดูคล้ำลงได้ และนอกจากเม็ดสีที่เพิ่มมากขึ้น ด้วย pathway การผลิต cortisol เป็น pathway เดียวกับการผลิต estrogen จึงทำให้สารตั้งต้นที่จะผลิต estrogen ถูกดึงไปที่ cortisol เป็นส่วนมาก estrogen ฮอร์โมนที่ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง อิ่มฟูเลยดรอปลง ผิวจึงดูแห้งกร้านลง ในเรื่องของ symphony of hormone จะความซับซ้อนแต่หมอขออธิบายคร่าวๆเท่านี้แล้วกันนะคะ วิธีแก้ไขคือ กำจัดความเครียดให้หมดไป ซึ่งพูดง่ายแต่ทำยาก แต่ยากก็ไม่ได้แปลว่าไม่ได้ค่ะ
5. มลภาวะ + ชีวิตเร่งรีบ
ฝุ่น ควัน ล้างหน้าไม่สะอาด = ผิวอุดตัน หมองคล้ำ และอักเสบแบบสะสมเงียบ ๆ วันนึงตื่นมาอาจจะตกใจว่าทำไมหน้าดูโทรมกว่าเดิมเยอะเลย
6. การบำรุงที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
หมอเองเจอเยอะมากในช่วงนี้ เพราะคนไข้มักจะเสพสื่อมามาก ดูรีวิวเยอะ ศึกษาเยอะมาก ซึ่งไม่ผิดนะคะ เป็นสิ่งที่ดี แต่ขอให้ดูรีวิวที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่เชื่อไปหมด เค้าอาจจะดีกับหน้าเค้า แต่อย่าลืมว่าสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเลือกใช้ skin care และหัตถการ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องวิเคราะห์ให้ถูกต้อง และเลือกใช้ skincare ถูก ตัวอย่างที่เจอบ่อยคือกลุ่ม retinols และยารักษาสิว กลุ่มพวกนี้จะต้องมีจังหวะในการใช้ และวิธีการใช้ที่ไม่เหมือนกัน บางคนใช้แล้วดี บางคนแย่ลงไปอีก เพราะฉะนั้นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเลือกดูให้จะดีกว่านะคะ

✅ สรุปวิธีแก้ปัญหาผิวโทรมให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ที่พูดเหมือนง่าย แต่ทำไม่ได้สักที
🔹 ปรับพฤติกรรมพื้นฐาน
- เข้านอนให้ตรงเวลา ถ้าทันก่อน 5 ทุ่มนี่คือเริ่ดสุด ผิวได้เวลาซ่อมตัวเองเต็มที่
- ดื่มน้ำวันละ 1.5–2 ลิตร ให้ผิวชุ่มชื้นจากข้างใน
- เลี่ยงแดด และทาครีมกันแดดทุกวัน แม้อยู่ในอาคาร
- ลดน้ำตาล คาเฟอีน และบุหรี่ เพราะสามสิ่งนี้คือเร่งเครื่องให้ผิวแก่ไวมาก
🔹 ใช้สกินแคร์ที่ช่วยฟื้นฟู
- เลือกเซรั่มหรือครีมที่เน้นความชุ่มชื้น moisturizer คือสิ่งที่สำคัญมากๆในการทำให้เซลล์ Healing ตัวเองได้ดี หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลการรักษาที่เร็วเกินไป ส่วนมากมักจะมีสารที่ไม่ปลอดภัยผสมอยู่
- ความกระจ่างใส : เลือกเป็นกลุ่มของ arbutin จะอ่อนโยนมากที่สุดค่ะ ไม่เน้นผลัดเซลล์ผิวบ่อยๆ หากอยากใช้กลุ่มผลัดเซลล์สามารถใช้ได้บ้าง แต่ไม่แนะนำให้ใช้เป็นประจำทุกวัน
- เสริมด้วยมาสก์บำรุงผิวสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง (ทุกวันได้ยิ่งดี)เลือกสูตรที่เน้นเติมน้ำและปลอบประโลมผิว จะช่วยให้ผิวฟูแบบไม่ระคายเคือง
- เข้าทำหัตถการบ้าง เนื่องจากการทา skincare จะต้องผ่านผิวซึ่งการซึมลงอาจจะไม่ได้มากเหมือนที่มีอุปกรณ์ช่วย
- เครื่องผลักวิตามินต่างๆ : ช่วยให้ตัว active ลงได้ลึกขึ้น และสามารถทำได้เป็นประจำ 1-2 สัปดาห์ครั้ง นอกจากจะช่วยบำรุง ยังสามารถทำให้ผ่อนคลาย ลดความเครียดลงอีกด้วย
- กลุ่มเลเซอร์ : ลดเม็ดสีที่ตกค้าง ไม่สม่ำเสมอ ที่เกิดขึ้นแล้ว เหมาะกับคนที่ต้องการผลรวดเร็วมากขึ้น และไม่ออกแดดจัด
- กลุ่มการฉีด PN/PDRN/กลุ่มลดการผลิตของเม็ดสี : เป็นการเติมสารกระตุ้นการทำงานของเซลล์แบบ direct ลงไปที่เซลล์ผิวโดยไม่ผ่าน barrier จะเห็นผลได้ชัดเจน โดยเฉพาะความอิ่มฟูของเซลล์ ข้อดีคือสามารถออกแดดได้ปกติ
- การฉีดวิตามิน : เน้นเพิ่มวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายเพื่อให้กระบวนการอักเสบน้อยลง ร่างกายเสื่อมน้อยลง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีขึ้น ซึ่งการฉีดเสริมวิตามินเหล่านี้จะทำให้ผิวกระจ่างใสได้ก็ต่อเมื่อภายในของเราดีแล้วนั่นเอง
✨ คำแนะนำจากคุณหมอ
ผิวดี เพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้ ไปไหนก็ไม่ต้องโบกให้หนา ไม่ต้องกลัวหน้าหยา แป้งแตก ดังนั้นอย่ารอให้ผิวพังจนต้องแก้หนัก ๆ มาปรึกษาหมอก่อนดีกว่า หมอจะช่วยประเมินสภาพผิวให้ แล้วเลือกวิธีฟื้นฟูที่เหมาะกับผิวของเราแบบเฉพาะตัว รับรองว่าฟื้นง่ายกว่าปล่อยให้พังแล้วค่อยแก้แน่นอน