ด้วยเหตุนี้ หมอจึงแนะนำว่า ควรเริ่มสำรวจตัวเอง และดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่าย และมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ยาวนานมากยิ่งขึ้น
แก้มห้อย หน้าหย่อนคล้อย “สัญญาณของความแก่” หากปล่อยไว้นานหลายปี จนอาการเริ่มหนักขึ้น จะทำให้การรักษายากขึ้น และอาจต้องใช้งบประมาณเยอะขึ้นกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และต้องใช้หลายหัตถการเสริมการรักษาอีกด้วย
ทีนี้เรามาดูกันว่า จะเกิดจากอะไรบ้าง? เมื่ออายุมากขึ้น
1. ปัญหาผิวและคอลลาเจนเสื่อมลง จะทำให้ความแน่น และยืดหยุ่นของชั้นผิวน้อยลง สังเกตได้ง่ายๆจาก มีกระเปาะแก้มี่ห้อยลงมา ผิวไม่เฟิร์ม ไม่เด้ง ใบหน้าดูอิดโรย มีปัญหาหน้ายับ เป็นรอยง่าย คืนสภาพช้า เช่นเวลาตื่นนอนมาหน้าเป็นรอยพับของปลอกหมอนนานมากกว่าจะหาย
2. ปัญหาโครงหน้าเสื่อมลงตามวัย เกิดจากชั้นกระดูกของเรามีความเสื่อมลง กร่อนลง ทำให้โครงสร้างหลักของหน้าไม่สามารถพยุงเนื้อเยื่อไว้ได้ ก็จะทำให้ใบหน้าของเราดูเหี่ยวลง ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ร่องน้ำหมากชัดขึ้น อีกทั้งยังทำให้แก้มตอบ ขมับตอบ โหนกแก้มเด่นชัดขึ้นมาด้วยอีกเช่นกัน
รู้หรือไม่!? นักโบราณคดีสามารถบอกอายุของมนุษย์ที่ขุดเจอได้ จากการประเมินกระดูกล่ะ
โดยปกติก็จะพบทั้ง 2 ปัจจัยรวมกัน ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก “อายุ” ที่เพิ่มขึ้น แต่บางคนอายุน้อยก็อาจเกิดหน้าหย่อนคล้อย ดูแก่กว่าวัยได้ จากการทำลายคอลลาเจนที่มากเกินไป เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษเป็นประจำ หรือบางท่านมีโครงหน้าที่ค่อนข้างเล็กไม่ว่าจะเล็กตั้งแต่เกิด หรือเล็กจากการทำศัลยกรรม ทำให้มีโอกาสเกิดหน้าหย่อนคล้อยเร็วกว่าคนอื่นๆ ได้เช่นกัน
วิธีการแก้ไขก็จะแนะนำตามสาเหตุเลยค่ะ บางคนไม่อยากทำหัตถการหลายอย่าง หมอก็แนะนำให้เลือกสิ่งที่แก้ไขแล้วเห็นผลได้ชัดเจนก่อนก็ได้เหมือนกัน เพื่อให้อย่างน้อยก็มีการแก้ไขไปก่อน ดีกว่าปล่อยไว้ ไม่ทำอะไรเลย เพราะความเสื่อมก็จะมากขึ้นเรื่อยๆไปอีก ทำให้การแก้ไขนั้นยากและราคาสูงขึ้น
การประเมินเพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น
1. ปัญหาผิวและคอลลาเจนเสื่อมลง
- ใบหน้าหย่อนคล้อย มีกระเปาะแก้ม กรอบหน้าไม่ชัด
- มีริ้วรอยจางๆ บริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม ตีนกา
- มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก มุมปากตก
- ผิวเหี่ยว ยับง่าย ขาดคอลลาเจน ไม่อิ่มฟู
ก่อนอื่นอาจจะต้องประเมินก่อนว่าชั้นใดที่ควรได้รับการฟื้นฟูและดูแลอย่างเร่งด่วน โดยมากจะเป็นในชั้น SMAS และ ผิวหนังแท้ชั้นลึก ให้คอลลเจนกลับมาผลิตเพิ่มขึ้นและแน่นขึ้น ให้พยุงผิวของเราให้กลับมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หัตถการที่หมอจะเลือกใช้ก็คือกลุ่มยกกระชับ ซึ่งจะแบ่งเป็น
1. กลุ่มเครื่อง : การยกกระชับด้วย Ultrasound (โปรแกรม Ultherapy prime), การยกกระชับด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (โปรแกรม Thermage)
2. กลุ่มการใช้เข็ม : การร้อยไหม , การกระตุ้นคอลลาเจนโดยใช้ Biostimulators (โปรแกรม Sculptra)
2. ปัญหาโครงหน้าเสื่อมลง : แนะนำใช้การเติมเต็ม ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงการเติมเนื้อเยื่อให้ฟูขึ้น แต่จะเน้นที่การเติมเต็มที่โครงหน้า โดยใช้ bone-like เทคนิค เน้นการ Lifting ให้โครงหน้ากลับมาเลียนแบบโครงหน้าในวัยรุ่นอีกครั้ง โดยส่วนตัวหมอเองจะแนะนำในการใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ในการเติมเต็ม เนื่องจากมีความหลากหลายของรุ่นทั้งเนื้อหนัก เนื้อเบา การขึ้นรูปที่ต่างกัน อีกทั้งเป็นการเติมเต็มที่สามารถสลายได้ และแก้ไขได้หากเกิดผลข้างเคียงหรือคนไข้ไม่พึงพอใจ ในการใช้โปรแกรมอื่นๆหมอเองไม่ได้เลือกใช้เนื่องจากเรื่องของผลข้างเคียงและความเหมาะสมด้วยค่ะ
สำหรับท่านใดที่ไม่รู้ว่าเราควรเลือกทำอะไรเพื่อแก้ปัญหา สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้ที่คลินิกนะคะ ทางคลินิกเราไม่มีเซลล์ ปรึกษาหมอโดยตรงค่ะ
